อ่าน ยากอบ 4:10, โยบ 5:11, ลูกา 14:11 และ สุภาษิต 3:34 — ข้อพระคัมภีร์ทั้งหมดนี้สื่อถึงความจริงสำคัญหนึ่งอย่างคือ: เราไม่ใช่จุดสนใจหลัก — พระเจ้าเท่านั้นที่สมควรได้รับเกียรตินั้น

​

ในฐานะผู้นำนมัสการหรือสมาชิกในทีม บางครั้งเราง่ายต่อการหลงไปกับแสงไฟหรือคำชมจากผู้คน แต่พระคัมภีร์เตือนเราว่า เกียรติทั้งสิ้นเป็นของพระเจ้า
อย่างที่ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเคยกล่าวไว้ว่า: “พระองค์ต้องทรงยิ่งใหญ่ขึ้น ส่วนข้าพเจ้าต้องด้อยลง” (ยอห์น 3:30)

​

แต่นี่คือพระสัญญาที่ยิ่งใหญ่: เมื่อเราถ่อมใจลง พระเจ้าจะทรงยกเราให้สูงขึ้นด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ลองเปรียบเทียบกับกฎแรงโน้มถ่วง: “สิ่งที่ลอยขึ้น ต้องตกลงมา” แต่ในอาณาจักรของพระเจ้า มีกฎอีกข้อหนึ่ง: “สิ่งที่ถ่อมลง จะถูกยกขึ้นในแบบของพระคริสต์” แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าจริงๆ แล้วเราต้องการความสำเร็จแบบพระเจ้ามากกว่าความนิยม คำชม หรืออิทธิพลที่โลกเสนอให้?

คำตอบอยู่ในถ้อยคำเจ็ดคำจาก 1 เปโตร 5:6: “In due time, He may exalt you" (เมื่อถึงเวลา พระองค์จะทรงยกท่านขึ้น) คำเหล่านี้เผยให้เห็นเบาะแส 3 ประการว่าทำไม "ความสำเร็จจากพระเจ้า" ถึงดีกว่าความสำเร็จที่โลกเสนอ

​

🔍 เบาะแสที่ 1: พระเจ้าทรงยกเราเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระองค์

 

คำถามแรกคือ: ทำไมพระเจ้าต้องยกเราให้สูงขึ้นด้วย? ดูจากชีวิตของพระเยซู: เพราะพระองค์ถ่อมพระองค์ลง และรับใช้ผู้อื่น “พระเจ้าได้ทรงยกพระองค์ขึ้นสู่ที่สูงสุด” (ฟีลิปปี 2:9) คำว่า “ทรงยกขึ้น” ในฟีลิปปีและ 1 เปโตร 5:6 ใช้รากคำภาษากรีกเดียวกัน แปลว่า การยกขึ้นเหนือ — เป็นภาพของพระเจ้าที่ยกเราขึ้นเพื่อพระประสงค์ของพระองค์ แล้วทำไมพระเจ้าจึงยกพระเยซูขึ้น? คำตอบอยู่ในฟีลิปปี 2:11: “เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา” นั่นคือจุดประสงค์เดียวกันกับเราด้วย: เพื่อให้ชีวิตของเรา — และการนมัสการของเรา — นำผู้อื่นให้เห็นพระองค์ ความสำเร็จที่แท้จริงไม่ใช่เสียงปรบมือจากผู้คน แต่คือความชื่นชมยินดีจากการที่เราทำในสิ่งที่พระเจ้าสร้างเราให้ทำ: เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระองค์

​

🔍 เบาะแสที่ 2: พระเจ้าทรงยกเรา — ไม่ใช่เรายกตัวเอง

 

1 เปโตร 5:6 ไม่ได้บอกว่า บางที เราอาจถูกยกขึ้น แต่มันบอกว่า พระเจ้าจะทรงยกเรา — แต่ต้อง “เมื่อถึงเวลา” นั่นหมายถึงเราต้องรอ ต้องไว้วางใจ และต้องรับใช้ด้วยความสัตย์ซื่อ แม้ไม่มีใครเห็น ในงานนมัสการ มันง่ายมากที่จะอยากมีเวที อยากให้คนจำเราได้ หรือได้รับตำแหน่งใหญ่ขึ้น แต่นั่นไม่ใช่วิธีของพระเจ้า — พระเจ้าโปรโมทคนที่สัตย์ซื่อ ไม่ใช่แค่คนที่มีพรสวรรค์หรือดูโดดเด่น พระเจ้าจะทดลองหัวใจของเราผ่านสิ่งเล็กๆ:

• ซ้อมเสียงอย่างตั้งใจ

• ทำหน้าที่เบื้องหลัง

• มาเช้า

• มีท่าทีที่ดี

• ให้เกียรติกันในทีม

ถ้าเรายังไม่ซื่อสัตย์ในสิ่งเหล่านี้ เราจะหวังได้อย่างไรว่าพระเจ้าจะทรงมอบสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ให้เรา?

​

🔍 เบาะแสที่ 3: พระเจ้าทรงยกเราขึ้นในเวลาที่เหมาะสม — เพื่อวัตถุประสงค์ที่ถูกต้อง

 

เวลา มีความสำคัญมาก พระเจ้าไม่ได้ยกย่องคนที่ถ่อมใจเพียงเพราะเขาถ่อมใจ แต่พระองค์ทรงยกให้ขึ้นใน เวลาที่เหมาะสม — เพราะพระองค์รู้ว่าเรา พร้อมหรือยัง ถ้าเราโดนยกขึ้นก่อนเวลา อาจเกิดผลเสียได้ ในงานนมัสการ ความสามารถอาจทำให้คนสังเกตคุณ แต่ มีเพียง "ลักษณะนิสัย" และ "จิตวิญญาณ" เท่านั้นที่จะทำให้คุณอยู่ได้ พระเจ้าสนใจหัวใจคุณมากกว่าเวทีของคุณ เมื่อพระองค์ทรงยกคุณขึ้น มันไม่ใช่แค่ให้คนได้ยินเสียงคุณ — แต่เพื่อให้คนได้เห็นพระสิริของพระองค์ผ่านชีวิตคุณ นั่นคือความสำเร็จที่คุ้มค่าที่จะรอคอย ดังนั้น จงไว้วางใจในเวลาและแผนของพระองค์ จงถ่อมใจ จงรับใช้อย่างสัตย์ซื่อ และให้งานนมัสการของคุณไหลมาจากใจที่ยอมจำนน ไม่ใช่ความพยายามเพื่อให้เป็นที่รู้จัก

​

📌 จำไว้:

• คุณไม่ใช่จุดเด่นของการนมัสการ — พระเยซูต่างหาก

• หน้าที่ของคุณไม่ใช่ทำให้คนประทับใจ — แต่ชี้ให้เขาเห็นพระเจ้า

• ความสำเร็จที่แท้จริงไม่ใช่ความนิยม — แต่คือการเชื่อฟังพระเจ้า และถวายพระเกียรติแด่พระองค์

 

แผนของพระเจ้าเพื่อความสำเร็จ ดีกว่าสิ่งใดๆ ที่โลกจะให้เราได้ และที่ดีที่สุดคือ — มันมาพร้อมกับคำสัญญา: ความอิ่มใจอย่างแท้จริง และผลกระทบที่ยั่งยืนตลอดนิรันดร์ ดังนั้น จงนมัสการต่อไป รับใช้ต่อไป ถ่อมใจลง และพระเจ้าจะทรงยกคุณขึ้น!

​

Reflection Questions:

​

1. เวลาที่คุณนำนมัสการหรืออยู่ในทีม คุณให้ความสำคัญกับผลงานของตัวเอง หรือกับการที่ผู้คนเห็นพระเยซูผ่านคุณมากกว่ากัน?

2. คุณสามารถปรับท่าทีหรือการกระทำในทีมอย่างไร เพื่อให้สะท้อนพระสิริของพระเจ้าได้ดียิ่งขึ้น?

3. มีหน้าที่ "เล็กๆ" อะไรบ้างในตอนนี้ ที่คุณสามารถดูแลให้ดียิ่งขึ้นด้วยความซื่อสัตย์?

4. ในชีวิตจริง การไว้วางใจพระเจ้าให้ทรงนำการเติบโตและบทบาทของคุณในทีม หน้าตาเป็นอย่างไร?

5. สำหรับคุณ “การพร้อมแล้ว” หมายถึงอะไร — ไม่ใช่แค่ในเรื่องดนตรี แต่รวมถึงจิตใจและลักษณะนิสัยด้วย?

​