top of page
ลงลึกในการทรงสถิตของพระเจ้า

 

"จงเข้ามาใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะเสด็จเข้ามาใกล้ท่าน"

ยากอบ 4:8

Ripples

ในฐานะทีมผู้นำการนมัสการ สิ่งที่เราทำมีความหมายมากกว่าการร้องเพลงหรือเล่นดนตรี เราไม่ได้แค่มา "ทำหน้าที่" หรือ "แสดงโชว์" แต่เราได้รับการทรงเรียกให้ สร้างบรรยากาศให้คนได้พบกับพระเจ้า และความจริงคือ: เราจะพาคนอื่นเข้าไปในที่ที่ลึกกับพระเจ้าไม่ได้เลย ถ้าเราไม่เคยเข้าไปที่นั่นด้วยตัวเอง

 

แม้ว่าเราจะซ้อมเพลงมาดี เล่นเป๊ะ ร้องเพราะ ทำทุกอย่างตามแผน แต่ถ้าเราไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง เราก็กำลังนำด้วยใจที่ว่างเปล่า การนมัสการที่แท้จริง ไม่ใช่การทำให้คนประทับใจ แต่คือการเปิดทางให้คนได้พบพระเจ้า!

ความยอดเยี่ยมสำคัญ แต่ความติดสนิทกับพระเจ้าสำคัญกว่า!

แน่นอนว่าเราควรให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพระเจ้า การฝึกซ้อม ความเป็นมืออาชีพ การตรงต่อเวลา ล้วนเป็นสิ่งดี แต่ถ้าเรามัวแต่โฟกัสที่ "ความเป๊ะ" จนลืมว่าเรากำลังนมัสการพระเจ้า เราก็อาจกำลังทำงาน แต่ไม่ใช่การนมัสการ สิ่งที่พระเจ้าต้องการไม่ใช่เสียงเพราะหรือการเล่นที่ไม่พลาดแม้แต่นิด แต่คือ หัวใจที่หิวกระหายพระองค์ และหัวใจแบบนั้น เริ่มต้นจากการอธิษฐาน

การอธิษฐานคือประตูสู่ความลึก​:

การอธิษฐานไม่ใช่แค่พิธีกรรมก่อนเริ่มซ้อมหรือก่อนขึ้นเวที แต่มันคือการเข้าไปในที่ลึกกับพระเจ้า ที่ซึ่งพระองค์สามารถเปลี่ยนแปลงเรา เติมเรา และพูดกับเราได้

ในที่แห่งการอธิษฐาน:

  • ความหยิ่งจะถูกทำให้ถ่อมลง

  • ความกลัวจะเงียบไป

  • ใจเราจะสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระองค์

  • ความสงบและการทรงนำจะเติมเต็มเรา

 

การไปให้ลึกในคำอธิษฐาน คือ การ ช้าลงเพื่อฟังเสียงกระซิบของพระเจ้า คือการเอาความเหนื่อย ความกลัว และปัญหาส่วนตัวไปวางไว้ต่อพระพักตร์ของพระองค์
คือการให้พื้นที่กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ใช่แค่ตอนร้องเพลง แต่ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการนมัสการ เราไม่สามารถสร้างทรงสถิตของพระเจ้าได้ แต่เราสามารถ เตรียมใจไว้ล่วงหน้า ให้พร้อมสำหรับการทรงสำแดงของพระองค์

การเตรียมใจเริ่มต้นในที่ลับ:

ก่อนที่เราจะขึ้นเวที เราควรจะได้อยู่ในที่ลับต่อพระเจ้าแล้วก่อน ที่ลับคือที่ที่พระเจ้าปั้นเราให้เป็น "ผู้นำนมัสการ" ที่พระองค์ใช้ได้

การเตรียมใจหมายถึง:

  • ใช้เวลาอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน

  • กลับใจใหม่และวางใจในพระเจ้า

  • อธิษฐานร่วมกันเป็นทีม

  • ขอพระเจ้าทำให้ใจเราบริสุทธิ์และเจิมทุกสิ่งที่เราทำ

 

นี่แหละคือหนทางจาก...ความเคยชิน → สู่ การฟื้นฟู...จาก การแสดง → เข้าสู่การทรงสถิตของพระเจ้า

 

ให้สิ่งนี้เป็นเป้าหมายของเรา:

ไม่ใช่แค่การร้องเพลงเก่ง เล่นดนตรีดีแต่คือการ นำจากที่ลึกในทรงสถิตของพระเจ้า คือการ รู้จักพระเจ้าอย่างใกล้ชิด จนพระองค์ทรงแสดงพระองค์ผ่านเราออกไปสู่ผู้อื่น

  • ขอให้เราเป็น "ผู้นมัสการ" ก่อนจะเป็น "นักดนตรี"

  • ขอให้เราเป็น "นักอธิษฐาน" ก่อนจะเป็น "ผู้นำบนเวที"

  • ขอให้การทรงสถิตป็นสิ่งที่สัมผัสได้ ไม่ใช่แค่เสียงเพลงที่ได้ยิน

 

เมื่อเราลงลึกในพระเจ้า เราไม่ใช่แค่เปลี่ยนบรรยากาศในห้องนมัสการ แต่เรากำลังเปิดทางให้พระเจ้า เปลี่ยนแปลงหัวใจของผู้คน

​คำอธิษฐาน:

"พระบิดาเจ้าข้า...เรามิได้อยากรับใช้พระองค์เพียงด้วยของประทานของเราเท่านั้น แต่เราปรารถนาที่จะ รู้จักพระองค์อย่างลึกซึ้ง ขอทรงปลุกใจเราให้หิวกระหายที่จะแสวงหาพระองค์ในการอธิษฐาน ให้เราได้พักอยู่ในการทรงสถิตของพระองค์ และนำผู้อื่นออกมาจากสิ่งที่พระองค์ได้เติมเราไว้ ขอทรงช่วยให้เราวาง ความสัมพันธ์ ไว้เหนือกว่า การแสดงออก และเลือก การพบกับพระองค์ มากกว่าเพียงแค่ทำตามกิจวัตร ขอทรงสอนเราให้รู้จักการรอคอยพระองค์ ฟังเสียงของพระองค์ และให้ชีวิตของเราถูกเปลี่ยนแปลงโดยพระองค์ ขอให้การทรงสถิตของพระเจ้า เป็นหัวใจหลักของทีมการนมัสการของเราในพระนามพระเยซูคริสต์...อาเมน"

​​​​​​คำถามสำหรับการใคร่ครวญ: 

  1. ตอนนี้ชีวิตการอธิษฐานของคุณเป็นอย่างไร? เป็นแบบลึกซึ้งและสม่ำเสมอ หรือเป็นแบบรีบเร่งและผิวเผิน?

  2. คุณเคยให้เวลานอกเหนือจากการซ้อมหรือการนำนมัสการ เพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้าไหม? ถ้าเคย—ทำไมจึงทำเช่นนั้น? ถ้าไม่เคย—อะไรคือเหตุผล?

  3. ในฐานะทีมนมัสการ เราจะสามารถให้พื้นที่กับการอธิษฐานมากขึ้นได้อย่างไร? ทั้งในชีวิตส่วนตัว และในฐานะทีม?

  4. คุณเคยรู้สึกว่าตัวเองพึ่งพาความสามารถมากกว่าความสนิทสนมกับพระเจ้าหรือไม่? ถ้าใช่—อะไรคือสิ่งที่ควรเปลี่ยน?

  5. อะไรจะเปลี่ยนไปในการนมัสการของเรา ถ้าเราตั้งใจให้ความสำคัญกับเวลาในการทรงสถิตของพระเจ้ามากขึ้น?

  • Instagram
  • Facebook
  • YouTube
bottom of page