top of page

การนมัสการเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตคริสเตียนในการดำเนินชีวิตร่วมกับพระเจ้า มันมากกว่าการร้องเพลงหรือเล่นดนตรี—แต่คือท่าทีของจิตใจที่สอดคล้องกับความจริงในพระวจนะของพระเจ้า พระเยซูตรัสไว้ใน ยอห์น 4:23-24 ว่า พระบิดาทรงแสวงหาผู้ที่นมัสการพระองค์ด้วยจิตวิญญาณและความจริง การนมัสการที่แท้จริงไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ รูปแบบดนตรี หรือธรรมเนียมปฏิบัติ แต่มันเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างลึกซึ้ง และเป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณอย่างแท้จริง เป็นการนมัสการที่เน้นพระเจ้า ไม่ใช่ตัวเราเอง

การนมัสการเป็นของพระเจ้าเพียงผู้เดียว วิวรณ์ 19:10 เตือนเราว่ามีเพียงพระองค์เท่านั้นที่สมควรได้รับการนมัสการ การนมัสการมีเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ ไม่ใช่เพื่อความพึงพอใจของเราเอง เป็นการยอมรับจากใจถึงว่า “พระเจ้าทรงเป็นใคร” พระองค์ทรงฤทธิ์ ทรงสง่าราศี และทรงมหิทธิฤทธิ์ และการนมัสการต้องออกมาจากชีวิตที่ยอมจำนนต่อพระองค์

การนมัสการไม่ใช่แค่การกระทำภายนอก แต่คือ “สภาพจิตใจ” ที่เลือกจะยกย่องพระเจ้าทุกวันและเชื่อฟังพระประสงค์ของพระองค์ ไม่ว่าจะผ่านการร้องเพลง การเต้น การเล่นดนตรี การรับใช้ หรือแม้แต่การดำเนินชีวิตประจำวัน—การนมัสการสามารถแสดงออกผ่านทุกการกระทำของชีวิตที่ถวายแด่พระองค์ การนมัสการคือการแสดงความรักและความเคารพต่อพระเจ้า ผู้ที่ประทานมากกว่าที่เราสมควรได้รับ

ถ้าเราจะนมัสการพระเจ้าอย่างแท้จริง เราต้องรู้จักพระองค์ก่อน เราไม่สามารถนมัสการพระเจ้าที่เราไม่เข้าใจหรือไม่เห็นคุณค่าได้ การนมัสการคือการยกย่องและเทิดทูนพระบิดา แสดงความภักดี ความรัก และประกาศคุณค่าของพระองค์ผ่านชีวิตของเรา

พระธรรมโรม 12:1-2 กล่าวว่า: “เหตุฉะนั้น พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเห็นแก่พระกรุณาธิคุณของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านให้ถวายตัวของท่านเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต บริสุทธิ์ และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน อย่าประพฤติตามแบบของโลกนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจให้ใหม่อยู่เสมอ เพื่อท่านจะได้พิสูจน์และรู้ว่า พระประสงค์ของพระเจ้าคืออะไร คือสิ่งที่ดีที่ชอบพระทัยและสมบูรณ์พร้อมแล้วนั้น”

เมื่อเรามารวมตัวกันนมัสการ เราไม่ได้แค่ร้องเพลงลอยๆ พระคัมภีร์บอกเราว่า พระเจ้าสถิตอยู่ในคำสรรเสริญของประชากรของพระองค์ (สดุดี 22:3) พระองค์ประทับอยู่ในที่นั้น พระองค์ทรงใกล้ชิด และทรงปีติยินดีในการนมัสการของเรา การนมัสการเปิดประตูให้เราสัมผัสกับการทรงสถิตของพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง

แม้ในยามที่ชีวิตยากลำบาก หรือสถานการณ์ดูหนักหนา การเลือกที่จะนมัสการเป็นการกระทำแห่งความเชื่ออันทรงพลัง มันเปลี่ยนสายตาเราจากสิ่งที่เราเห็น ไปยังพระเจ้าผู้ที่เราวางใจ และเมื่อเรานมัสการ พระเจ้าจะเริ่มทำงานเพื่อเรา

การนมัสการเปิดทางให้เราสนิทสนมกับพระเจ้ามากขึ้น และเมื่อเราอยู่ในพระองค์ เราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงจากภายในอย่างแท้จริง ไม่มีใครที่นมัสการอย่างแท้จริงแล้วจะยังคงเหมือนเดิม!

ขณะที่เรากำลังเตรียมตัวสำหรับ School of Worship (SOW) ปีนี้ ขอให้เราลงลึกขึ้น:

  • ในความมุ่งมั่นถวายตน ต่อพระเจ้า ต่อคริสตจักร และต่อการทรงเรียกของพระองค์—ทั้งในฐานะปัจเจกบุคคล และในฐานะทีม

  • ในรากฐานแห่งพระวจนะ โดยยึดมั่นในความจริงของพระคัมภีร์และหลักคำสอนที่ถูกต้อง

  • ในความทุ่มเทต่อพันธกิจ การนมัสการและศิลปะสร้างสรรค์ที่มั่นคงและมีสุขภาพดี เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และสะท้อนความยอดเยี่ยมของพระองค์

 

ขอให้เรามาด้วยจิตใจที่คาดหวัง เตรียมพร้อม และเปิดใจรับสิ่งที่พระเจ้าจะทรงกระทำในและผ่านเรา ตั้งตารอที่จะพบกับทุกคนในสัปดาห์นี้


เรามาลงลึกไปด้วยกัน—เพื่อพระสิริของพระองค์!

​คำอธิษฐาน:

"พระบิดาเจ้าในสวรรค์ พระองค์ทรงเป็นผู้เดียวที่สมควรได้รับการนมัสการทั้งหมดของเรา ขอทรงสอนเราให้รู้จักนมัสการพระองค์ด้วยจิตวิญญาณและความจริง—ไม่ใช่แค่ด้วยบทเพลง แต่ด้วยทั้งชีวิตของเรา ขอทรงฟื้นฟูจิตใจของเราทุกวัน เพื่อเราจะได้ถวายตนเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต บริสุทธิ์ และเป็นที่พอพระทัยพระองค์

ดึงเราลึกเข้าไปในการทรงสถิตของพระองค์ และช่วยให้เรารู้จักพระองค์มากขึ้น

ขอให้การนมัสการของเราเต็มด้วยความบริสุทธิ์ ความหลงรักในพระองค์ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของพระวจนะ ขอให้ความมุ่งมั่นของเราเพิ่มขึ้น หลักคำสอนของเราแข็งแรง และการทรงเรียกของพระองค์เป็นสิ่งที่เราไม่สั่นคลอน

เราขอมอบความสามารถ เวลา และจิตใจของเราแด่พระองค์ สร้างในพวกเรา วัฒนธรรมการนมัสการที่ถวายเกียรติแด่พระองค์ และนำผู้อื่นเข้าสู่การเผชิญพระสิริของพระองค์...

ขณะที่เรากำลังเตรียมตัวเข้าสู่ School of Worship ขอทรงเตรียมจิตใจของเรา และรวมใจเราให้เป็นหนึ่งเดียว ขอให้ฤดูกาลนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง การฟื้นฟู และความสนิทสนมกับพระองค์อย่างลึกซึ้ง...ในพระนามพระเยซูคริสต์...อาเมน!"

​​​​​​คำถามสำหรับการใคร่ครวญ: 

  1. การนมัสการของฉันมุ่งไปที่พระเจ้าเพียงองค์เดียว หรือได้รับอิทธิพลจากความชอบส่วนตัว อารมณ์ หรือความรู้สึกอยากแสดง?

  2. มีด้านใดในชีวิตของฉันบ้างที่ยังไม่ยอมจำนนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ชีวิตทั้งชีวิตเป็นการนมัสการ?

  3. ฉันกำลังฟื้นฟูความคิดของตนทุกวันอย่างไร เพื่อถวายตนเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตในการนมัสการ?

  4. ฉันตอบสนองต่อการนมัสการอย่างไรในช่วงเวลาที่ยากลำบาก? ฉันใกล้พระเจ้ามากขึ้น หรือห่างออกไป?

  5. การลงลึกลงไป:

  • ฉันจะเพิ่มพูนความรักและความทุ่มเทต่อพระเจ้าในฤดูกาลนี้ได้อย่างไร?

  • ฉันกำลังเติบโตในหลักคำสอนที่ถูกต้อง และความเข้าใจในพระคัมภีร์หรือไม่?

  • บทบาทของฉันในการสร้างวัฒนธรรมการนมัสการที่เน้นพระคริสต์ในทีม/พันธกิจของฉันคืออะไร?

  • Instagram
  • Facebook
  • YouTube
bottom of page